วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1) หลักการทำงานพื้นฐานของออสซิลโลสโคป

รูปที่ 1 เป็นบล็อกไดอะแกรมซึ่งแสดงระบบย่อยต่างๆ ของออสซิลโลสโคปที่มีใช้กันอยู่โดยทั่วไป
ระบบย่อยต่างๆ เหล่านี้ประกอบด้วย
           ก)      หลอดคาโธดเรย์ หรือ CRT
           ข)      วงจรขยายแนวตั้ง
           ค)      สายหน่วงเวลา
           ง)      ตัวกำเนิดสัญญาณฐานเวลา (time base)
           จ)      วงจรขยายแนวนอน
           ฉ)     วงจรทริกเกอร์
           ช)     ตัวป้อนกำลัง

หลอดคาโธดเรย์หรือ CRT เป็นหัวใจสำคัญของออสซิลโลสโคป โดยมีวงจรส่วนอื่นๆ ของออสซิลโลสโคป ทำหน้าที่ควบคุมและขับเคลื่อนอีกต่อหนึ่ง หลอดคาโธดเรย์จะให้กำเนิดลำอิเล็กตรอนที่มีการโฟกัสจุดอย่างดี แล้วได้รับการเร่งความเร็วให้พุ่งชนจอภาพ เพื่อให้เกิดเป็นเส้นสว่างบนจอของหลอด ขณะที่ลำอิเล็กตรอนเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิด หรือเรียกว่า ปืนอิเล็กตรอน : electron gun ไปยังจอภาพนั้น มันจะเคลื่อนผ่านแผ่นโลหะ ซึ่งทำให้เบี่ยงเบนจำนวนหนึ่ง แผ่นโลหะเหล่านี้มีหน้าที่ควบคุมการเบี่ยงเบนของลำอิเล็กตรอนในแนวตั้งและแนวนอน แรงดันไฟฟ้าที่ป้อนให้กับแผ่นเบี่ยงเบนในแนวตั้ง(vertical deflection plate) จะทำให้ลำอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในแนวตั้ง คือ ขึ้นหรือลง ในทำนองเดียวกัน แรงดันที่ป้อนให้กับแผ่นเบี่ยงเบนในแนวนอน(horizontal deflection plate) จะทำให้ลำอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในแนวนอน คือ จากซ้ายไปขวา ดังนั้นการควบคุมแรงดันที่ป้อนให้กับแผ่นโลหะทั้งสองชุดนี้ จะทำให้เราสามารถควบคุมให้ลำอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปมาในตำแหน่งต่างๆ ตามความต้องการได้
รูปคลื่นสัญญาณซึ่งเราต้องการตรวจดูจะป้อนให้แก่หลอดคาโธดเรย์โดยผ่านวงจรขยายแนวตั้ง อันราขยายของวงจรขยายนี้จะถูกกำหนดด้วยตัวลดทอนสัญญาณซึ่งได้รับการปรับเทียบไว้แล้ว โดยทั่วไปมักแสดงค่าดังกล่าวไว้ที่หน้าปัดเป็นโวลต์ต่อช่อง (Volts/Div) สัญญาณออกจากวงจรขยาย จะถูกป้อนต่อให้กับแผ่นเบี่ยงเบนแกนตั้งของหลอดคาโธดเรย์ โดยผ่านสายหน่วยเวลา (delay line) เพื่อควบคุมตำแหน่งในแนวตั้งของลำอิเล็กตรอน
วงจรกำเนิดสัญญาณฐานเวลา (time base) จะให้กำเนิดรูปคลื่นฟันเลื่อยไว้สำหรับป้อนแก่แผ่นเบี่ยงเบนแกนนอนของหลอดคาโธดเรย์ รูปคลื่นฟันเลื่อยนี้จะค่อยๆ เพิ่มค่าแรงดันขึ้นเป็นเชิงเส้น โดยอัตราการเพิ่มของแรงดันจะถูกกำหนดโดยปุ่มหน้าปัทม์ “เวลาต่อช่อง” (Time/Div) แรงดันฟันเลื่อยนี้จะถูกป้อนให้กับวงจรขยายแนวนอน วงจรขยายนี้จะรวมถึงตัวกลับเฟส ซึ่งจะทำให้ได้รูปคลื่นออกสองรูปคลื่นพร้อมกัน คือ ฟันเลื่อนแบบเพิ่มค่า กับฟันเลื่อยแบบลดค่า แรงดันฟันเลื่อยแบบเพิ่มค่าจะป้อนให้กับแผ่นเบี่ยงเบนแนวนอนทางขวามือ ขณะที่แรงดันฟันเลื่อยแบบลดค่าจะป้อนให้กับแผ่นเบี่ยงเบนแนวนอนทางซ้ายมือ แรงดันทั้งสองจะยังผลให้ลำอิเล็กตรอนถูก “กวาด” จากด้านซ้ายของจอหลอดภาพไปยังด้านขวามือของจอ ช่วงเวลาการกวาดจะถูกควบคุมโดยปุ่ม “เวลาต่อช่อง”
ถ้าหากเราป้อนรูปคลื่นสัญญาณเข้าให้กับแผ่นเบี่ยงเบนแนวตั้งพร้อมๆกันกับการป้อนสัญญาณฐานเวลาให้กับแผ่นเบี่ยงเบนแนวนอน ก็จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของจุดบนจอภาพ ซึ่งทำให้เกิดภาพบนจอ รูปที่ 2 แสดงเงื่อนไขขณะที่สัญญาณฟันเลื่อยและแรงดันรูปไซน์ป้อนให้กับแผ่นเบี่ยงเบนทั้งสองชุดของหลอดคาโธดเรย์ เนื่องจากแรงดันกวาดรูปคลื่นแนวนอนค่อยๆ มีค่าเพิ่มขึ้นอย่างเป็นเชิงเส้นสัมพันธ์กับเวลา จุดที่ปรากฏบนหลอดภาพจะเลื่อนจากซ้ายไปขวา ของจอภาพ ในอัตราความเร็วที่คงที่ เมื่อเสร็จสิ้นช่วงการกวาด แรงดันของรูปคลื่นฟันเลื่อยจะลดลงจากค่าสูงสุดเป็นศูนย์อย่างรวดเร็ว ทำให้จุดบนจอภาพกวาดกลับไปสู่จุดเริ่มต้นทางซ้ายมือของจอภาพ จนกว่าจะเริ่มรอบการกวาดครั้งใหม่
ในกรณีทั่วๆ ไป รูปคลื่นสัญญาณส่วนเริ่มต้นมักจะใช้การกระตุ้นให้เกิดพัลซ์สำหรับทริกเกอร์และเริ่มรอบของการกวาด อย่างไรก็ตาม จากจุดเริ่มต้น คือ การกระตุ้นให้วงจรทริกเกอร์ทำงาน จนถึงการเริ่มกวาดภาพจริง จะมีเวลาทิ้งช่วงกันอยู่ประมาณ 0.15 uS ดังนั้น สัญญาณภาพจะไม่เริ่มต้นกวาดจนกว่าสัญญาณเข้าส่วนที่เป็นจุดเริ่มต้นได้ผ่านไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีผลให้ส่วนต้นของสัญญาณไม่ปรากฏอยู่บนจอหลอดภาพ เรามักใช้สายหน่วงเวลาเพื่อหน่วงให้รูปคลื่นสัญญาณมาถึงแผ่นเบี่ยงเบนแกนตั้งพร้อมกับการเริ่มต้นของสัญญาณฐานเวลา สายหน่วงเวลามักทำให้เกิดความล่าช้าในการเดินทางของสัญญาณประมาณ 0.25 uS
วงจรกำลังจะประกอบด้วยส่วนวงจรแรงดันสูงสำหรับควบคุมและขับเคลื่อนหลอดคาโธดเรย์ กับส่วนวงจรแรงดันต่ำสำหรับป้อนให้กับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของออสซิลโลสโคป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น