วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

3) ระบบควบคุมการเบี่ยงเบนแนวตั้ง

                ระบบควบคุมการเบี่ยงเบนแนวตั้งจะต้องสามารถทำซ้ำให้เกิดรูปคลื่นของสัญญาณเข้า ได้อย่างถูกต้องเหมือนเดิม ทั้งนี้ภายใต้เงื่อนไขการทำงานที่กำหนดไว้ ในแง่ความกว้างแถบความถี่ (bandwidth), risetime และขนาดของสัญญาณ (amplitude) นอกจากนี้ ระบบควบคุมการเบี่ยงเบนแนวตั้งนี้ยังทำหน้าที่เป็นวงจรกั้นแบ่ง(buffer) ระหว่างแหล่งสัญญาณกับแผ่นเบี่ยงเบนของหลอดภาพ ระบบนี้ยังอาจแบ่งออกเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีก 4 ส่วนคือ
ก)      ตัวโพรบของออสซิลโลสโคป
ข)      ตัวเลือกสัญญาณเข้า
ค)      ตัวลดทอนสัญญาณเข้า
ง)      วงจรขยายสัญญาณแนวตั้ง
                
                 3.1) ตัวโพรบของออสซิลโลสโคป
                ตัวโพรบของออสซิลโลสโคปมีหน้าที่สำคัญในการเชื่อมโยงวงจรที่กำลังตรวจวัดอยู่ เข้ากับขั้วต่อสัญญาณเข้าของออสซิลโลสโคป ทั้งนี้โดยต้องไม่ส่งผลในการโหลด หรือรบกวนต่อวงจรที่กำลังวัดอยู่ โพรบที่มีใช้กันยังอาจจำแนกออกเป็น 4 จำพวกใหญ่ๆ อันได้แก่ โพรบแรงดันแบบไม่ไวงาน(passive), โพรบแรงดันแบบไวงาน(active), โพรบกระแส และโพรบแรงดันสูง

                3.2) ตัวเลือกสัญญาณเข้า
รูปที่ 6 แสดงตัวเลือกสัญญาณเข้าที่มีสวิทช์แบบสามทาง คือ ไฟสลับ กราวนด์ และไฟตรง เมื่อบิดปุ่มเลือกไปที่ตำแหน่งไฟสลับ สัญญาณจะถูกต่อโยงเข้าสู่ตัวลดทอนสัญญาณโดยผ่านตัวเก็บประจุ ตัวเก็บประจุทำหน้าที่กั้นส่วนไฟตรงของรูปคลื่นขอเข้า และยอมปล่อยที่ให้เฉพาะส่วนไฟสลับเข้าสู่วงจรขยายตัวเลือกสัญญาณจะมีประโยชน์ในการวัดสัญญาณไฟสลับที่เข้าสู่วงจรขยาย ถ้าหากเราบิดปุ่มเลือกไปที่ไฟตรงสัญญาณแรงดันทั้งส่วนไฟตรงและไฟสลับจะสามารถผ่านเข้าสู่วงจรขยายได้ การวัดค่าในโหมดนี้จะช่วยให้เราสามารถรู้ค่าแรงดันเฉียบพลัน (instantaneous) ของทั้งส่วนไฟตรงและไฟสลับ
จุดสำหรับต่อกราวนด์ช่วยทำให้เรากำหนดตำแหน่งอ้างอิงของเส้นบนจอภาพ ในขณะที่สัญญาณเป็นศูนย์ได้ นอกจากนั้น ยังช่วยในการกำจัดประจุที่อาจตกค้างอยู่ในส่วนลดทอนสัญญาณเข้าโดยการต่อส่วนนั้นลงกราวนด์ได้

3.3) ตัวลดทอนสัญญาณเข้า
ตัวลดทอนสัญญาณเข้าประกอบด้วยตัวแบ่งแรงดันแบบ RC หลายตัว ซึ่งสามารถควบคุมโดยปุ่มควบคุมบนแผงหน้าปัดของออสซิลโลสโคปที่เป็นตัวเลือกโวลต์ต่อช่อง (Volts/Div) ปุ่มควบคุมเหล่านี้มักมีลำดับเป็น 1-2-5 ช่วงการลดทอนสัญญาณของปุ่มควบคุมนี้ โดยทั่วไปจะเป็น 0.1, 0.2, 0.5, 1, 2, 5, 10, 20 และ 50 โวลต์ต่อช่อง
เพื่อจะให้ออสซิลโลสโคปทำงานในลักษณะเชิงเส้นตลอดช่วงความถี่ที่กำหนด (โดยทั่วไปประมาณจากช่วงไฟตรงถึง 25 เมกะเฮิรตซ์) การทำงานของตัวลดทอนสัญญาณต้องไม่แปรเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของความถี่ ดังนั้น จึงทำให้มีความจำเป็นต้องชดเชยตัวลดทอนแรงดัน (compensated attenuator) หลักการปรับชดเชยตัวลดทอนสัญญาณจะเหมือนกันกับกรณีการปรับชดเชยโพรบวัดของออสซิลโลสโคป ในวงจรลดทอนแรงดันของออสซิลโลสโคปนี้ ค่าของความต้านทานและตัวเก็บประจุที่ใช้จะคัดเลือกอย่างเหมาะสมเพื่อว่าอิมพีแดนซ์ด้านเข้าของวงจรภาคแนวตั้งจะมีค่าคงที่ ไม่ว่าปุ่มควบคุมโวลต์ต่อช่องจะปรับตั้งไว้อย่างไรก็ตามค่าทั่วๆ ไป ของอิมพีแดนซ์ด้านข้าวของออสซิลโลสโคปจะเป็น 1 เมกะโอห์ม ต่อชันต์กับตัวเก็บประจุขนาด 33 pF

3.4) วงจรขยายแนวตั้ง
                วงจรขยายแนวตั้งมักประกอบด้วยภาคขยายสองภาคที่สำคัญคือ วงจรขยายปรีแอมป์ (preamplifer) และวงจรขยายหลัก (main amplifier)
                วงจรขยายปรีแอมป์จะมีองค์ประกอบส่วนแรกเป็นภาคสัญญาณเข้า ซึ่งมักใช้วงจรซ๊อสโฟโลเวอร์ของ FET วงจรเช่นนี้จะมีอิมพีแดนซ์ด้านเข้าที่สูงมาก ทำให้ช่วยเป็นตัว buffer ระหว่างวงจรขยายกับตัวลดทอนสัญญาณออกจากกัน ถัดจากภาคสัญญาณเข้าของ FET มักจะมีวงจรอิมิตเตอร์โฟโลเวอร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวอินเตอร์เฟสระหว่างวงจร FET ที่มีอิมพีแดนซ์ด้านออกค่อนข้างสูง เข้ากับวงจรกลับเฟสซึ่งมีอิมพีแดนซ์ด้านเข้าค่อนข้างต่ำ วงจรกลับเฟสจะป้อนสัญญาณออกที่มีเฟสตรงข้ามกันเพื่อขับดันวงจรพุช-พูล (push-pull) ขาออกต่อไป ภาคสุดท้ายของภาควงจรปรีแอมป์นี้ จะป้อนแรงดันที่จำเป็นสำหรับขับดันวงจรขยายแนวตั้งต่อไป

                วงจรขยายกำลัง (main vertical amplifier) ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายในรูปที่ 7 จะประกอบด้วยวงจรขับดัน (driver amplifier) และวงจรขยายพุช-พูล วงจรขยายพุช-พูลนี้จะป้อนสัญญาณแรงดันขนาดเท่ากันแต่มีเฟสตรงข้ามกันให้แก่แผ่นเบี่ยงเบนแนวตั้งของหลอด CRT

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น