วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

3. การวัดความเหนี่ยวนำร่วม (Mutual Inductance)


การวัดความเหนี่ยวนำร่วม (Mutual Inductance)


          เมื่อมีการเปลี่ยงแปลงกระแสเท่ากับ it ในขดลวดที่ 1 จะทำให้เกิดเส้นแรง φ1 ถ้าส่วนของ φ1 ที่ต่อ หรือตัดขดลวดที่ 2 เท่ากับ φ12 จะทำให้เกิดการเหนี่ยวนำแรงเคลื่อนไฟฟ้าในขดลวดที่ 2

                                                                         
       EM2        =       -M12 [ di1/(dt) ] 


           เมื่อ M12 คือ ความเหนี่ยวนำร่วมจากขดสองไปขดหนึ่ง ในทางกลับหัน ถ้าให้กระแสป้อนจากขดที่2 ทำให้เกิดเส้นแรง φ2 ที่ต่อกับขดลวดที่ 1 เท่ากับ φ21 จะทำให้เกิดการเหนี่ยวนำของแรงเคลื่อนไฟฟ้าในขดลวดที่ 1


EM1              =      -M21 [ di2/(dt) ] 

ซึ่งจะให้                                                             E12                                                 =             M21       


                                                                                                                                     =             M

          เส้นแรงเชื่อมต่อ (Flux Linkage) จะขึ้นอยู่กับระยะห่างและทิศทางการวางตัวของแกนขดลวดทั้งสอง นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับค่าความซึมแม่เหล็ก (Permeability) ของตัวกลาง ดังนั้นส่วนหนึ่งของเส้นแรงทั้งหมดที่เชื่อมต่อขดลวดจะเรียกว่า สัมประสิทธิ์การเชื่อมต่อ (Coefficient of Coupling)  k โดยที่


k = (φ12 ) / (φ1 )    = (φ21 ) / φ2 , k ≤ 1


เมื่อ                                                                                      M       =        (N2φ12 ) / i1

                                                                                                             =          (N1φ21 ) / i2

                 L1   =       (N1φ1 )/i1             ,          L2 = (N2φ2 )/i2


โดยที่ N1 , N2 คือ จำนวนรอบของขดลวด จะได้ 

                       k = (M ) / √L1L2   

1. การวัดโดยใช้บริดจ์ความเหนี่ยวนำ

               รูปที่ ก)  แสดงขดลวดที่ต่อกัน(โดยแม่เหล็ก) จะเห็นว่าจุด (Dot) 2 จุด ที่ปลายหนึ่งของขดลวดแต่ละขด จุดนี้จะแสดงถึงปลายของขดลวดที่ In phase กัน นั้นคือ สมมติว่าเราป้อนกระแสเข้าทางด้านปลายที่มีจุดของขดลวดที่ 1 ขณะนี้ศักย์ที่ปลาย a จะเป็นบวก จุดที่ปลายด้าน c ของขวดที่ 2 บอกว่า แรงเคลื่อนที่ถูกเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวดขดที่2จะมีศักย์เป็นบวกที่ปลาย c หรือถ้าขด 2 ต่อครบวงจร จะมีกระแสไหลในทิศทางออกจากขดลวดทางปลายที่มีจุด โดยการนำขดลวดทั้งสองมาต่ออนุกรมกัน โดยเริ่มแรกให้ปลาย b ต่อกับ d ดังรูป ข) เมื่อป้อนกระแส i กระแสที่ไหลผ่านขดลวดทั้งสองจะเท่ากัน ขณะนี้กระแสจะไหลเข้าทางปลายขดหนึ่งทางด้านจุดและออกจากปลายขดลวดสองทางด้านจุด จะทำให้แรงดันเหนี่ยวนำร่วมมีขั้ว ในลักษณะที่แรงดันหักล้างกับแรงดันเหนี่ยวนำในตัวขดลวดเอง (Self Induced) ดังรูป ค )






ก ). ขดลวดที่ต่อกัน 
ข).  การนำขดลวดทั้งสองมาต่ออนุกรมกัน


ค). แรงดันหักล้างกับแรงดันเหนี่ยวนำในตัวขดลวดเอง

ขณะนี้ความเหนี่ยวนำร่วม คือ

L¬A = (Vac )/((di/dt))        

  =   L1 + L2 – 2M

ต่อไปถ้าต่อปลาย b เข้ากับ c ดังรูป ง). เมื่อป้อนกระแส i กระแสจะไหลเข้าสู่ขดลวดทั้งสองทางด้านปลายที่มีจุด ขณะนี้แรงดันเหนี่ยวนำเนื่องจากความเหนี่ยวนำร่วมที่ขั้ว จะเสริมกับแรงดันเหนี่ยวนำเนื่องจากความเหนี่ยวนำของตัวมันเอง ดังรูป จ). ซึ่งจะได้ความเหนี่ยวนำรวมเท่ากับ

                                                                              LB           =             L1 + L2 + 2M

ดังนั้น โดยการต่ออนุกรมทั้ง 2 กรณีแล้วทำการวัดค่า LA, LB เราจะสามารถหาค่าความเหนี่ยวนำร่วม โดยที่

                                                                              LB - LA  =             4M

ดังนั้น                                                                         M      =             ( LB – LA ) / 4

2.ตาชั่งความเหนี่ยวนำร่วมของ Felici 

              
เป็นการเปรียบเทียบความเหนี่ยวนำร่วมที่ไม่ทราบค่า  Mx กับความเหนี่ยวนำร่วมแบบแปรค่าได้ Ms ที่ได้ปรับเทียบมาแล้ว โดยต่อขดทุติยภูมิของทั้งสองในลักษณะที่ เมื่อความเหนี่ยวนำร่วมของทั้งสองเหมือนกัน แรงดันเหนี่ยวนำทางทุติยภูมิเนื่องจากกระแสทางปฐมภูมิจะมีขนาดเท่ากันแต่เฟสตรงข้ามดัน ทำให้ลัพธ์เป็นศูนย์ ดังนั้นที่สมดุล        Mx = M

รูปแสดง ตาชั่งความเหนี่ยวนำร่วม
3.บริดจ์แคมป์เบล (Campbell

         เป็นบริดจ์ความเหนี่ยวนำแบบอัตราส่วน ซึ่งสามารถใช้หาค่าความเหนี่ยวนำร่วม โดยการเปรียบเทียบกับความเหนี่ยวนำ ในรูปจะเป็นการแสดงการต่อขดลวด 2 ขด ที่เราจะหาค่าความเหนี่ยวนำร่วมโดย Lp, Rp แทนอิมพีแดนซ์ของขดที่เรียกว่าขดลวดปฐมภูมิ และถูกต่ออยู่ที่แขนสำหรับต่ออิมพีแดนซ์ที่ไม่ทราบค่า ส่วนขดลวดทุติยภูมิจะต่อในลักษณะที่เมื่อต้องการจะต่ออนุกรมกับตัวตรวจจับ (Detector) การหาค่าจะกระทำเป็น 2 ขั้นตอน คือ


วงจร Campbell Bridge

          1.ผลักสวิตซ์ “S” ไปสู่ตำแหน่ง “1” ทำการปรับสมดุลวงจรเหมือนเป็นบริดจ์อัตราส่วนธรรมดา เมื่อบริดจ์สมดุล  จะได้

Rp = [ (Rb )/Ra ]*Rd

Lp = [ (Rb )/Ra ]* Ld

              2.จากนั้นผลัก “S” ไปสู่ตำแหน่ง “2” และปรับสมดุลอีกครั้ง ในกรณีนี้เมื่อบริดจ์สมดุลแม้ว่าความต่างศักย์คร่อมตัวตรวจจับจะเป็นศูนย์ แต่ยังคงมีแรงเคลื่อนเหนี่ยวนำเนื่องจากความเหนี่ยวนำร่วมปรากฏที่ขดทุติยภูมิ ถ้าให้กระแสจากแหล่งกำเนิดแยกเป็น I1 ผ่าน Ra, Rb และ I2 ผ่าน Ld, Lp จากขั้นตอนที่ 2 นี้ จะสามารถเขียนสมการแรงดัน ได้เป็น

                              I1Ra – I2(Rd + jωLd) – I2( jωM)            =             0

                              I1Rb – I2(Rp + jωLp) – I2( jωM)            =             0

จากสมการทั้งสอง จะได้สมการสำหรับการคำนวณค่า M คือ

M = (RaLp-RbLd) / (Ra+Rb)

          ความถูกต้องของบริดจ์ จะถูกจำกัดโดยความจริงที่ว่า สมการความเหนี่ยวนำร่วมจะอยู่ในรูปผลต่างของปริมาณ 2 ปริมาณ เมื่อค่าความเหนี่ยวนำร่วมที่ต้องการวัดมีค่าน้อย ความถูกต้องของค่าที่ได้ก็จะมีค่าน้อยลงด้วย








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น